Key Takeaway
|
มารู้จักกับ การควบคุมคุณภาพด้วย AI ตัวช่วยสำหรับการพัฒนาด้านการผลิตในโรงงานให้มีความแม่นยำและรวดเร็ว ด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้งานง่าย สะดวกสบาย มีความจำเป็นกับอุตสาหกรรมมากแค่ไหน พร้อมจุดเด่นที่ควรรู้ มีอะไรบ้าง บทความนี้มีคำตอบ
การควบคุมคุณภาพด้วย AI (AI Quality Control) คืออะไร
การควบคุมคุณภาพด้วย AI คือการตรวจจับข้อบกพร่องของสินค้า โดยสามารถตรวจจับภาพสินค้า แล้วส่งภาพไปยังฐานจัดเก็บข้อมูล ซึ่งระบบ AI จะประมวลผลข้อมูลรูปภาพ และแสดงให้ทราบว่า สินค้านั้นผ่านการตรวจสอบคุณภาพหรือไม่ ถ้าหากไม่ผ่าน ระบบก็จะตรวจสอบว่าเกิดจากสาเหตุอะไร หลังจากนั้นพนักงานก็จะทำการคัดแยกสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพออกมา เพื่อปรับปรุงคุณภาพให้ดียิ่งขึ้น จะเห็นได้ว่าการควบคุมคุณภาพด้วย AI สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตได้
การควบคุมคุณภาพ เป็นกระบวนการหนึ่งที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมการผลิตเป็นอย่างมาก ทั้งในอุตสาหกรรมขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ โดยหน้าที่สำคัญของกระบวนการนี้ คือการตรวจสอบคุณภาพของสินค้าให้ได้มาตรฐาน มีคุณภาพ พร้อมที่จะส่งไปให้ลูกค้า และส่วนใหญ่แล้ว ขั้นตอนการควบคุมคุณภาพ มักจะทำด้วยตาเปล่า ทำให้เกิดความผิดพลาด ที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจอุตสาหกรรมได้ จึงต้องอาศัยการควบคุมคุณภาพด้วย AI เข้ามาทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต
ระบบตรวจสอบคุณภาพสินค้าด้วย AI ทำงานอย่างไร
ระบบตรวจสอบคุณภาพสินค้าด้วย AI มีขั้นตอนการทำงานดังนี้
จับภาพข้อมูลแบบเรียลไทม์
การตรวจสอบคุณภาพด้วยกล้อง AI จะจับข้อมูลของสินค้า ด้วยระบบ AI Computer Vision และส่งภาพสินค้าแบบเรียลไทม์ ไปยังฐานจัดเก็บข้อมูล โดยระบบ AI จะประมวลผลข้อมูลรูปภาพสินค้า และแสดงให้ทราบว่า สินค้านั้นผ่านการตรวจสอบคุณภาพหรือไม่ เพื่อง่ายต่อการวิเคราะห์สินค้า
ฝึกโมเดลการเรียนรู้เชิงลึก
โดยทั่วไปแล้ว โมเดลของระบบ AI สำหรับการตรวจสอบภาพ จะได้รับการฝึกโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) ซึ่งเกี่ยวกับการจัดเตรียมข้อมูลขนาดใหญ่ของภาพ โดยที่แต่ละภาพจะมีคำอธิบายประกอบด้วยข้อมูล ที่เกี่ยวกับการมีข้อบกพร่องหรือการไม่มีข้อบกพร่อง
ตรวจจับข้อบกพร่อง
เมื่อระบบตรวจสอบคุณภาพสินค้าด้วย AI และฝึกโมเดลให้เรียนรู้เชิงลึกแล้ว ก็สามารถนำไปใช้งานเพื่อตรวจสอบภาพใหม่แบบเรียลไทม์ได้ โดยโมเดลจะวิเคราะห์ภาพสินค้า โดยอิงจากรูปแบบที่เรียนรู้ และทำเครื่องหมายเป็นข้อบกพร่องหรือความผิดปกติ เมื่อตรวจจับเจอข้อบอกพร่องของสินค้านั้นๆ
ติดตั้งและรวมเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์
ระบบ AI ที่ได้รับการฝึกโมเดลการเรียนรู้เชิงลึก สามารถติดตั้งและรวมเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์ได้โดยตรงกับอุปกรณ์ที่มีอยู่ อย่างเช่น สายพานลำเลียงสินค้าบนเครื่องจักร เป็นต้น ระบบ AI สามารถสั่งการเครื่องจักร (Automated Machine) เพื่อให้ทำตามที่ AI วำเคราะห์มาได้
5 ข้อดีของการควบคุมคุณภาพด้วย AI
การควบคุมคุณภาพด้วย AI มีข้อดี ดังนี้
1. เพิ่มความแม่นยำในการทำงาน
ระบบตรวจสอบคุณภาพสินค้าด้วย AI จะช่วยเพิ่มความแม่นยำให้กับการตรวจสอบคุณภาพของสินค้าให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพราะระบบ AI จะมีการตรวจจับและเรียนรู้อยู่ตลอด เพื่อให้สามารถทำการตรวจสอบคุณภาพสินค้าได้อย่างแม่นยำและไม่ขัดข้อง ส่งผลให้ข้อบกพร่องในกระบวนการผลิตมีน้อยลง
2. ลดระยะเวลาทำงาน
เมื่อนำระบบตรวจสอบคุณภาพสินค้าด้วย AI เข้ามาใช้งานในอุตสาหกรรม จะสามารถช่วยเพิ่มความรวดเร็วในกระบวนการทำงานได้ ทั้งสายการผลิต หรือการคัดแยกสินค้า เพราะระบบ AI จะช่วยตรวจสอบสินค้าได้ในคราวเดียว ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการทำงานไปได้มาก
3. ความแม่นยำในการตรวจจับ
การควบคุมคุณภาพด้วย AI มีความแม่นยำในการตรวจจับ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของกระบวนการตรวจสอบได้ ส่งผลให้คุณภาพของสินค้าและผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพ และลดโอกาสการมีสินค้าที่มีข้อบกพร่องจะเข้าสู่ตลาด
4. ลดความผิดพลาดจากมนุษย์
พนักงานอาจจะมองข้ามปัญหา หรือข้อผิดพลาดต่างๆ ไปได้เนื่องจากมีความเร่งรีบในการทำงาน หรือความเคยชินในการทำงาน ซึ่งอาจทำให้เกิดการมองข้ามตำหนิได้ แต่การใช้ระบบ AI ที่ผ่านการฝึกโมเดลการเรียนรู้เชิงลึกอย่างเหมาะสม จะสามารถตรวจข้อผิดพลาดต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ อย่างเช่น ข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ ของสินค้า ทำให้พนักงานมนุษย์สามารถปรับปรุงแก้ไขได้
5. ทำงาน พร้อมปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
ระบบตรวจสอบคุณภาพสินค้าด้วย AI สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องหยุดพัก ทำให้สามารถรักษาคุณภาพได้อย่างสม่ำเสมอ สามารถเรียนรู้จากข้อมูลใหม่ และปรับปรุงความสามารถในการตรวจสอบได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีความแม่นยำสูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป และสามารถดำเนินการตรวจสอบสินค้าซ้ำๆ ด้วยความแม่นยำที่ไม่เปลี่ยนแปลง
ความท้าทายในการควบคุมคุณภาพด้วย AI
แม้ว่าประโยชน์ของระบบตรวจสอบคุณภาพสินค้าด้วย AI จะมีมากมาย แต่ก็ยังมีความท้าทายที่ต้องพิจารณา อย่างเช่น ความแปรปรวนของข้อมูล ที่อาจเกิดจากสภาพแวดล้อมของการผลิตอาจมีความซับซ้อน ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านแสง มุม และปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อคุณภาพของภาพสินค้า หรือด้านการให้ความรู้กับพนักงานผู้ใช้งาน ในช่วงแรกอาจจะต้องมีฝึกฝนการใช้งานให้ถูกต้อง เพื่อให้ได้กระบวนการการทำงานที่มีประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ตาม ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นในระยะยาวก็คุ้มค่ามากเช่นกัน
อนาคตของการควบคุมคุณภาพด้วย AI
ในอนาคต ระบบตรวจสอบคุณภาพสินค้าด้วย AI จะมีความซับซ้อนมากขึ้น แต่สามารถระบุข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ ของสินค้าที่อาจมองข้ามได้ ซึ่งจะส่งผลให้คุณภาพของสินค้าและผลิตภัณฑ์ดีขึ้น ทำให้ได้รับความพึงพอใจของลูกค้าสูงขึ้น และนอกจากนี้ ความสามารถของระบบ AI ในอนาคต จะมีการเรียนรู้จากข้อมูลเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความแม่นยำ และประสิทธิภาพของกระบวนการควบคุมคุณภาพดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
DUSCAP ตัวช่วยให้การเข้าถึง AI ง่ายกว่าที่คิด
การใช้งาน AI Computer Vision, Process Automation และ Machine Integration เข้าด้วยกัน จะช่วยให้โรงงานอุตสาหกรรมสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ในเรื่องของการลดต้นทุน เพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
สำหรับผู้ใช้ที่ไม่มีความรู้ด้านเทคนิค สามารถใช้ DUSCAP (DIA User Co-creation AI Application Platform) แพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในการสร้าง AI Platform ที่นำมาใช้เพื่อช่วยตรวจสอบ และควบคุมคุณภาพของสินค้า ซึ่งสามารถใช้งานได้ง่าย ผ่านอินเทอร์เฟซแบบไม่ต้องเขียนโค้ดเอง DUSCAP เหมาะกับผู้ใช้งานทั่วไป ที่ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ทางด้านการเขียนโค้ด ใครๆ ก็สามารถทำได้
- ใช้งานง่าย DUSCAP ใช้งานง่าย โดยไม่ต้องเขียนโค้ดใดๆ บุคลากรต่างๆ ที่ไม่ใช่ช่างเทคนิค ก็สามารถเข้าถึงได้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ใช้ด้านเทคนิค
- ปรับแต่งระบบได้ตามต้องการ DUSCAP สามารถสร้าง AI Application ที่ปรับแต่งเงื่อนไขการใช้งานให้ตรงตามความต้องการเฉพาะของผู้ใช้งานได้
- ลดระยะเวลา สามารถเทรน AI ได้ในระยะเวลาอันสั้น จากเดิมในการทำ AI Training ที่ต้องใช้เวลาหลายเดือน สามารถลดเหลือเป็นหลักวัน หรือหลักอาทิตย์ได้
- ลดค่าใช้จ่าย DUSCA ช่วยลดต้นทุน ในการจ้างผู้เชี่ยวชาญทางด้าน AI ในการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อนำมาใช้ในกิจการของคุณได้
- เพิ่มประสิทธิภาพ DUSCA ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรบุคคลและเพิ่มผลผลิตได้อย่างมีคุณภาพ
- มีความหลากหลาย DUSCA มีความหลากหลาย สามารถเชื่อมต่อ DUSCAP เข้ากับกล้องใดๆ ก็ได้ โดยไม่ถูกจำกัดให้ใช้กล้อง หรือใช้งานในพื้นที่เดียวกัน