ชีวิตประจำวันของเราแทบจะมีเทคโนโลยีอยู่ในทุกการกระทำ ตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงตอนหมดวัน ทุกๆ ย่างก้าวของเราได้ใช้งานสิ่งประดิษฐ์หรือการพัฒนาเทคโนโลยีไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่งที่ถูกคิดค้นเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์จนเราแทบจะเรียกได้ว่าเคยชินกับการใช้งานเทคโนโลยีจนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต โดยเทคโนโลยีหนึ่งที่กำลังถูกพัฒนาและนำมาสู่ชีวิตประจำวันมากขึ้นคือการประยุกต์ใช้ AI หลายคนอาจไม่ทันสังเกตเห็นการเข้ามาของการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ ว่าได้เข้ามาช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับสังคมหลายอย่างแล้ว เช่นระบบคัดกรองข่าวสารหรือการสแกนใบหน้าระบบ Face ID เป็นต้น ในบทความนี้จึงจะพามาทำความรู้จักว่า AI คืออะไรและมีส่วนช่วยอำนวยความสะดวกแก่มนุษย์ได้อย่างไรบ้าง

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) คืออะไร ทำงานอย่างไร

ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI (Artificial Intelligence) เป็นเทคโนโลยีสำหรับการประมวลผลที่สามารถจัดการข้อมูล ชุดคำสั่งและนำข้อมูลมาวิเคราะห์ ซึ่งการทำงานของ AI จะเกิดจากการเชื่อมโยงองค์ประกอบหลายอย่างที่ซับซ้อนไม่ว่าจะเป็นการใช้ Machine Learning หรือ Deep Learning การประยุกต์ใช้ AI ในชีวิตประจำวันจึงมีความสำคัญต่อการประมวลผลและจัดการชุดคำสั่งต่างๆ มาก

Machine Learning

Machine Learning เป็นเหมือนมันสมองของ AI เกิดจากการเรียนรู้ของ AI โดยเป็นการประมวลจากข้อมูลจากโปรแกรมที่มนุษย์เขียนให้ การประยุกต์ใช้ Machine Learning ในชีวิตประจำวันสามารถใช้ได้หลายรูปแบบโดยที่เราอาจไม่ทันได้รู้ตัวว่ากำลังใช้งานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์นี้อยู่ เช่นการใช้งาน Apple Siri ซึ่งสามารถฟังเสียงและถอดความได้ หรือการใช้ Google Assistant รับคำสั่งด้วยเสียง และตอบสนอง ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันให้แก่มนุษย์

Deep Learning

Deep Learning อีกองค์ประกอบหนึ่งที่ถูกเชื่อมโยงในการประยุกต์ใช้ AI โดย Deep Learning คือการเรียนรู้แบบอัตโนมัติซึ่งเลียนแบบการทำงานของโครงข่ายประสาทของมนุษย์ โดยนำระบบโครงข่ายประสาทมาซ้อนกันหลายชั้นและเรียนรู้ข้อมูล Deep Learning มักใช้กับการจัดหมวดหมู่ข้อมูลและการจัดรูปแบบ เช่นการจดจำใบหน้าซึ่งเกิดจากข้อมูลภาพที่ซ้อนกันหลายชั้น ยิ่งสามารถเรียนรู้ได้หลายชั้นยิ่งทำให้เกิดความละเอียดและลึกขึ้น

องค์ประกอบของ AI มีอะไรบ้าง

การประยุกต์ใช้ AI เป็นสิ่งที่สามารถต่อยอดและพัฒนาให้เกิดประโยชน์ได้มาก โดยองค์ประกอบของ AI เองก็มีหลายประเภท ซึ่งจำแนกได้ตามรูปแบบของกระบวนการนำ AI มาใช้งานในชีวิตประจำวัน

Natural Language Processing: NLP

Natural Language Processing หรือ NLP คือการทำให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้ภาษาของมนุษย์ คอมพิวเตอร์จะเข้าใจและสามารถประมวลผลคำสั่งของมนุษย์ได้ ไม่ว่าจะเป็นการประยุกต์ใช้ AI กับภาษาของมนุษย์ทั้งในรูปแบบเสียงพูดและตัวอักษร ตัวอย่างเช่น การใช้ Apple Siri ในการออกคำสั่งด้วยเสียง เป็นต้น

Computer Vision

Computer Vision คือการทำให้คอมพิวเตอร์เกิดการเรียนรู้จากการวิเคราะห์ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว จนสามารถจำแนกความแตกต่างทั้งตำแหน่งที่ตั้งหรือลักษณะของวัตถุในภาพได้ เช่นการปรับใช้กับรถอัจฉริยะไร้คนขับเพื่อทำการขนส่งสินค้า เป็นต้น

Expert System

Expert System คือการทำให้ระบบคอมพิวเตอร์มีความชำนาญเฉพาะทางจากข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นให้กับระบบเพื่อประยุกต์ใช้ AI แทนผู้เชี่ยวชาญ เช่น ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประยุกต์ใช้ AI ในการซื้อขายหุ้น หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่ประยุกต์ใช้ AI ในการวินิจฉัยโรคได้ เป็นต้น

Robotics

Robotics คือการออกแบบและพัฒนาเครื่องกลเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของมนุษย์ การประยุกต์ใช้ AI แบบ Robotics เช่นการสร้างหุ่นยนต์สำหรับสายงานผลิตอุตสาหกรรมหรือการประดิษฐ์โดรน เป็นต้น

10 ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์

จุดประสงค์ของการประยุกต์ใช้ AI คือการอำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการต่างๆ ของมนุษย์ ทำให้การใช้ชีวิตเป็นเรื่องง่ายมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือการประยุกต์ใช้ AI ที่อยู่ในชีวิตประจำวันอย่างแพร่หลายจึงมีอยู่หลายอย่าง มาดู 10 ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ มีดังนี้

1. ระบบสแกนใบหน้าก่อนเข้างาน

ระบบสแกนใบหน้าก่อนเข้างาน เป็นสิ่งหนึ่งที่สอดแทรกอยู่ในชีวิตประจำวันของมนุษย์ที่เป็นการประยุกต์ใช้ AI โดยเกิดการประมวลผลความละเอียดบนใบหน้าและเปรียบเทียบกับรูปที่เคยสแกนเป็นข้อมูลเอาไว้ ทำให้สามารถยืนยันตัวตนได้ด้วยการวิเคราะห์จากข้อมูลที่คอมพิวเตอร์มี ช่วยให้ลดขั้นตอนในการทำงานและเก็บข้อมูลอย่างแม่นยำมากขึ้น

องค์กร หรือบริษัทใดกำลังมองหาระบบสแกนใบหน้าก่อนเข้างานอัจฉริยะด้วย AI ที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวก dIA Face Recognition มีระบบสแกนหน้าที่แม่นยำ สะดวก และรวดเร็ว พร้อมระบบ Real-time Notification ที่จะแจ้งเตือนทันทีที่จับตรวจหน้าได้ เรียกได้ว่าช่วยอำนวยความสะดวกแล้วยังรักษาความปลอดภัยได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

2. ตัวช่วยคัดกรองข่าวสารในช่องทางโซเชียลมีเดีย

ตัวช่วยคัดกรองข่าวสารในช่องทางโซเชียลมีเดียก็เป็นอีกหนึ่งการประยุกต์ใช้ AI ในชีวิตประจำวัน โดยจะเกิดการจัดหมวดหมู่และรูปแบบจากข้อมูลที่คุณสนใจหรือมีปฏิสัมพันธ์ด้วยบ่อยๆ เพื่อวิเคราะห์และประมวลผลหาสิ่งที่คุณอาจสนใจขึ้นมาแสดงให้ผู้ใช้งานได้เห็น ช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับการตอบสนองความต้องการที่ตรงจุดยิ่งขึ้น

3. ระบบ Face ID

ระบบ Face ID เป็นการประยุกต์ใช้ AI จากการจัดเก็บข้อมูลและประมวลผลเปรียบเทียบจากข้อมูลที่มีอยู่ ซึ่งการสแกนใบหน้าระบบ Face ID ช่วยปกป้องข้อมูลทำให้สามารถเข้าถึงได้เพียงผู้ใช้งานที่ต้องการและเป็นการป้อนข้อมูลที่ยากต่อการเลียนแบบ จึงเป็นการประยุกต์ใช้ AI กับข้อมูลความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ

4. ระบบสั่งงานด้วยเสียง

ระบบสั่งงานด้วยเสียง เป็นการอำนวยความสะดวกจากการประยุกต์ใช้ AI ที่ช่วยให้มนุษย์ทำหลายสิ่งหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังช่วยประหยัดเวลาในการต้องจัดการสิ่งต่างๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสอบถามข้อมูลจาก Google ที่พร้อมตอบคำถามได้โดยไม่ต้องอาศัยการพิมพ์หลายขั้นตอน หรือการสั่งการผู้ช่วยในการสั่งงานด้วยเสียงให้เปิดปิดระบบต่างๆ ในบ้านได้อย่าวรวดเร็วไม่ว่าผู้ใช้งานจะอยู่ส่วนไหนของบ้านก็สะดวกสบาย

5. ระบบนำทาง

การใช้งาน AI ในชีวิตประจำวันที่ขาดไปไม่ได้อีกอย่างหนึ่งคือระบบนำทาง เพราะการจราจรหรือสภาพอากาศในการเดินทางสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกวันและตลอดเวลา การที่ AI สามารถช่วยเก็บข้อมูลและประเมินผลทั้งสภาพการจราจร เส้นทางที่รวดเร็วหรือสภาพอากาศที่ต้องเตรียมพร้อมรับมือให้กับผู้ใช้งานได้ก็จะทำให้สะดวกมากยิ่งขึ้น ในปัจจุบันยังมีระบบนำทางอัจฉริยะสำหรับรถไร้คนขับถูกพัฒนาขึ้นซึ่งเป็นอีกก้าวหนึ่งของความสะดวกสบายในอนาคตด้วย

6. สัญญาณจราจรอัตโนมัติ

สัญญาณจราจรอัตโนมัติก็เป็นอีกประโยชน์ของการ AI ในชีวิตประจำวัน เนื่องจากข้อมูลการจราจรมีความแปรผันสูงในเวลาอันสั้น หรือแต่ละช่วงเวลาที่มีสภาพการจราจรไม่เหมือนกัน ต้องการการจัดการที่ดีเพื่อลดปัญหารถติด การประยุกต์ใช้ AI กับสัญญานจราจรอัตโนมัติจะช่วยประเมินสภาพการจราจรและจัดการปรับสัญญาณไฟให้สอดคล้องกับความต้องการของการจราจร ณ ขณะนั้น

7. เครื่องตรวจหาวัตถุอันตราย

เครื่องตรวจหาวัตถุอันตราย คือการประยุกต์ใช้ AI กับการตรวจจับสิ่งของที่อาจเกิดอันตรายเพื่อให้สามารถเตรียมการรับมือและจัดการได้อย่างทันท่วงที โดย AI สามารถสแกนวัตถุอันตรายได้จากการตรวจจับวัสดุ ภาพ หรืออุณหภูมิต่างๆ

8. ระบบสมาร์ตโฮม

ระบบสมาร์ตโฮม ช่วยให้บ้านเป็นที่ที่ผ่อนคลายมากที่สุด มีการประยุกต์ใช้ AI เพื่อตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในบ้านและปรับให้เหมาะสม หรือการใช้ตู้เย็นในระบบสมาร์ตโฮมที่ตรวจสิ่งของที่ใช้บ่อย สิ่งของที่ผู้ใช้งานต้องการหรือของที่หมดไปแล้วไม่ได้เติม ไปจนถึงการวิเคราะห์เมนูที่เหมาะต่ออาหารในตู้เย็นของผู้ใช้งานได้อีกด้วย

9. ระบบค้นหาข้อมูล

ระบบค้นหาข้อมูลคือการประยุกต์ใช้ AI ที่เข้าใจง่ายและซับซ้อนน้อยที่สุด การค้นหาข้อมูลเช่นการค้นหาด้วย Google คือการใช้ระบบช่วยค้นหาคำตอบที่ต้องการจากการประมวลผลฐานข้อมูลมหาศาลมาให้แก่ผู้ใช้งาน และยังได้รับการนำเสนอในสิ่งที่อาจสนใจหรือตรงกับความต้องการมากที่สุดจากฐานข้อมูลการค้นหาของผู้ใช้งานรายบุคคลอีกด้วย

10. เครื่องมือแปลภาษา

เครื่องมือแปลภาษา ทำการประยุกต์ใช้ AI จากการที่สามารถให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้ภาษาของมนุษย์ได้มาช่วยให้การสื่อสารของมนุษย์ง่ายยิ่งขึ้น เมื่อต้องการแปลภาษาจึงสามารถใช้ความช่วยเหลือจาก AI ที่มีฐานข้อมูลภาษาของมนุษย์ได้

ประโยชน์ของ AI ในชีวิตประจำวัน

การทำงานของ AI หรือปัญญาประดิษฐ์จึงช่วยให้การจัดการข้อมูลหรือวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากของมนุษย์นั้นง่ายขึ้นและต่อยอดให้มนุษย์สะดวกสบายมากขึ้นหลายอย่าง ประโยชน์ของ AI ในชีวิตประจำวันจึงนำไปต่อยอดได้หลายด้าน โดยประโยชน์ของ AI ในชีวิตประจำวันที่เห็นได้ชัด มีดังนี้

แก้ปัญหาการทำงานที่ซับซ้อนได้

เมื่อ AI สามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว การประยุกต์ใช้ AI จึงช่วยให้การทำงานที่ซับซ้อนนั้นลดขั้นตอนลงมาและเพิ่มความแม่นยำให้กับงานเหล่านั้นได้ดียิ่งขึ้น

ทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ประโยชน์ของ AI ในชีวิตประจำวันคือ AI ไม่จำเป็นต้องพัก จึงช่วยให้กระบวนการทำงานนั้นเป็นไปได้อย่างต่อเนื่องและได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วรวมไปถึงประหยัดแรงงานมนุษย์ด้วย

ลดการทำงานที่ผิดพลาดของมนุษย์

เนื่องจากการจัดการข้อมูลจำนวนมากหรือการวิเคราะห์ที่ซับซ้อนนั้นอาจเกิดความผิดพลาดได้หากเป็นการคำนวณโดยมนุษย์ การประยุกต์ AI ที่มีความแม่นยำจึงช่วยลดข้อผิดพลาดได้

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่แม่นยำ

การใช้งาน AI คือการประมวลผลจากข้อมูลบนโปรแกรมที่มีความแม่นยำ ตรงไปตรงมาสูง การประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในด้านต่างๆ จึงช่วยตัดปัจจัยที่อาจเกิดความผิดพลาดและเพิ่มความแม่นยำให้กับผลลัพธ์ได้

วิเคราะห์และตัดสินใจผ่านข้อมูลที่มี

ประโยชน์ของการใช้ AI ในชีวิตประจำวันคือการวิเคราะห์และตัดสินใจจากข้อมูลที่มี จึงช่วยลดโอกาสที่อาจเกิดความลังเลหรือความไม่เสถียรในกระบวนการต่างๆ ได้ เนื่องจากจะประเมินผลและวิเคราะห์โดยใช้เพียงข้อมูลที่มีเท่านั้น

เรียนรู้ได้รวดเร็ว

AI เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ช่วยลดระยะเวลาที่ต้องใช้ในการเรียนรู้งานต่างๆ ให้สามารถใช้งานได้ทันทีจึงดำเนินงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ทำงานในสถานการณ์อันตรายได้

AI มีส่วนช่วยในงานอันตรายที่ไม่ควรให้มนุษย์ต้องเสี่ยงได้อย่างดี โดย AI สามารถเข้าไปทำงานในสถานการณ์ที่อันตรายได้ทำให้เพิ่มความปลอดภัยให้กับการทำงานของมนุษย์มากยิ่งขึ้นได้

การประยุกต์ใช้ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ในชีวิตประจำวันจึงเป็นการดึงเอาเทคโนโลยีที่มีความสามารถในการจัดการข้อมูล วิเคราะห์ และประมวลผล รวมไปถึงคาดการณ์จากข้อมูลที่มีอย่างแม่นยำมาช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์นั้นสะดวกสบายและง่ายดายมากยิ่งขึ้น ซึ่ง AI สอดแทรกอยู่ในชีวิตประจำวันจนมนุษย์อาจไม่ทันสังเกตเห็น แต่ทำให้การใช้ชีวิตนั้นราบรื่นยิ่งขึ้นจนไม่อาจเสียไป AI จึงมีบทบาทที่สำคัญในปัจจุบันและสามารถพัฒนามาช่วยเหลือมนุษย์ได้มากยิ่งขึ้นในอนาคต

สนใจ products ของ DIA สามารถติดต่อ DIA ได้ที่ www.dia.co.th หรือ โทร (+66) 95 8268778