ก้าวแรกสู่วิธีสร้าง AI ระบบปัญญาประดิษฐ์ด้วยตัวคุณเอง แบบมืออาชีพ
Key Takeaway

  • AI หรือปัญญาประดิษฐ์เป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยให้เราสามารถทำงานได้อย่างง่าย สะดวก รวดเร็ว ช่วยเพิ่มอัตราการทำงานให้แม่นยำ และลดความเสี่ยงในธุรกิจเราได้เช่นกัน 
  • ธุรกิจในปัจจุบันต่างต้องการ AI เพื่อเข้ามาช่วยในการดำเนินการของธุรกิจ เพราะสามารถช่วยพัฒนาองค์กรได้ดี ช่วยประเมินคู่แข่งและวางแผนในอนาคตสำหรับโอกาสทางการเติบโตของธุรกิจเราได้
  • ทักษะที่จะเป็นในการสร้าง AI ที่ต้องมีเช่นทักษะการเขียนโปรแกรม การเข้าใจระบบทั้ง MAchine Learning และ Deep Learning รวมไปถึงทักษะการวิเคราะห์ข้อมูล และการมีจริยธรรมในการพัฒนาระบบด้วยเช่นกัน 
  • วิธีสร้าง AI ให้ตรงต่อความต้องการจะต้องกำหนดวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน เตรียมข้อมูลให้ครบ และตรวจสอบระบบให้ถี่ถ้วน เพื่อเราจะได้สร้าง AI ที่สามารถช่วยเราในการทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 
  • AI สามารถช่วยในการทำงานได้อย่างหลากหลายด้านไม่ว่าจะเป็นในระบบอุตสาหกรรมการผลิต ทางด้านการแพทย์ ตลอดจนด้านการศึกษา 
  • DUSCAP จาก DIA ทางเลือกใหม่ในสร้าง AI ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ หรือคนที่ไม่มีความรู้ด้านการสร้าง AI  ก็สามารถสร้าง AI Application แบบมืออาชีพได้

การสร้าง AI แบบมืออาชีพใครๆ ก็สามารถทำได้หากมีพื้นฐานและรู้เคล็ดลับเทคนิคพิเศษ โดยบทความนี้จะพาเข้าไปสู่โลกของการสร้าง AI ฉบับมืออาชีพ มาเรียนรู้สิ่งสำคัญที่สุดอย่างพื้นฐาน ไปจนถึงเทคนิค และขั้นตอนปฏิบัติ ซึ่งจะทำให้สร้าง พัฒนา และเรียนรู้ AI ได้ด้วยตัวเราเอง ไม่ว่าจะมือใหม่หรือนักพัฒนาที่มากประสบการณ์ก็สามารถมาศึกษาวิธีสร้าง AI เพิ่มเติมผ่านบทความนี้

AI หรือปัญญาประดิษฐ์ คืออะไร

AI หรือปัญญาประดิษฐ์ คืออะไร

ปัญญาประดิษฐ์ หรือที่เราเรียกกันว่า AI (Artificial Intelligence) คือเทคโนโลยีที่ใช้ระบบการประมวลผลชุดคำสั่งต่างๆ ออกมาโดยการวิเคราะห์ ที่มาจากการเชื่อมโยงของมันสมองของ AI ผ่าน Machine Learning ซึ่งเกิดการประมวลผลจากโปรแกรมที่มนุษย์สร้างขึ้น หรือเชื่อมโยงโดย Deep Learning ที่เป็นการเรียนรู้แบบอัตโนมัติทั้งจากการจัดหมวดหมู่ จัดรูปแบบ เหมือนกับการทำงานของโครงข่ายประสาทของมนุษย์ที่เรียนรู้ผ่านการจดจำที่จะค่อยๆเพิ่มความซับซ้อนและละเอียดมากยิ่งขึ้นไป  

โดยปัจจุบัน AI มีส่วนช่วยในการทำให้ชีวิตของคนเราสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เช่น ในกลุ่มธุรกิจ ที่มีการใช้ AI เข้ามาช่วยจัดการทำงานของธุรกิจให้ง่ายมากยิ่งขึ้น เช่น Chatbot ที่สามารถโต้ตอบกับลูกค้าได้ผ่านข้อมูลที่เราป้อนให้ ช่วยเก็บรวบรวมประวัติการใช้งาน วิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าได้ หรือในอุตสาหกรรมใหญ่ ๆ AI ก็สามารถช่วยในการดูแลรักษาความปลอดภัยขององค์กรได้เป็นอย่างดี

สร้าง AI ให้กับธุรกิจ กับข้อดีที่ไม่ควรมองข้าม!

สร้าง AI ให้กับธุรกิจ กับข้อดีที่ไม่ควรมองข้าม!

วิธีการสร้าง AI ให้กับธุรกิจนั้นส่งผลดีต่อธุรกิจในหลายๆ ด้าน ดังนั้นเราจึงไม่ควรมองข้ามการเรียนรู้ AI เพื่อนำไปใช้สำหรับธุรกิจของเรา โดยข้อดีหลักๆ เกี่ยวกับการสร้าง AI ให้กับธุรกิจ มีดังนี้

  • พัฒนาประสิทธิภาพของธุรกิจ การใช้ AI จะช่วยทำให้เราเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินธุรกิจได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวช่วยในการเก็บข้อมูลลูกค้า ทำการประเมินวิเคราะห์ความต้องการของกลุ่มลูกค้า เพื่อการวางแผนและการคาดการณ์สถานการณ์ของธุรกิจเราในอนาคตได้ อีกทั้ง AI ยังสามารถช่วยทำงานในส่วนของงานธุรการ การบันทึกข้อมูล หรือการทำซ้ำข้อมูลได้อย่างง่าย สะดวก และรวดเร็ว ทำให้เรามีเวลาในการดูแลธุรกิจส่วนอื่นๆ ได้ดีมากขึ้น
  • ช่วยลดความเสี่ยง วิธีการสร้าง AI ให้เข้ามาช่วยในการลดความเสี่ยงทางธุรกิจเป็นสิ่งที่สำคัญอันดับต้น ๆ ของการทำธุรกิจ เพราะว่าข้อมูลของลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญ ทั้งเพื่อความปลอดภัยและเพื่อข้อมูลการใช้งานผลิตภัณฑ์ของเรา อีกทั้งช่วยป้องกันลูกจ้างในการทำงานเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดและความเสียหายต่อธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ AI ในการบันทึกคลังสินค้า การใช้ AI คาดการณ์ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อหาทางป้องกันและการแก้ไขได้อย่างทันท่วงที
  • เพิ่มความปลอดภัย นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงแล้ว AI ยังสามารถช่วยเพิ่มความปลอดภัยในกับธุรกิจเราได้ เพราะจะช่วยบันทึกข้อมูลการดำเนินการทุกอย่างเอาไว้ ช่วยทำให้เรารู้หากเกิดข้อผิดพลาดในการดำเนินกิจการ ไม่ว่าจะป้องกันการยักยอก การฉ้อโกง หรือการแสดงให้เห็นตัวเลขของการใช้งาน เพื่อไม่ให้ธุรกิจสูญเสียรายได้อย่างไม่ยุติธรรม หรือในบางกรณีหากเกิดการทำงานผิดพลาดโดยไม่ตั้งใจของลูกจ้าง AI ก็จะช่วยแสดงและแจ้งเตือนเพื่อให้เราสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดได้
  • เพิ่มความได้เปรียบทางธุรกิจ การเรียนรู้ AI เพื่อนำมาปรับใช้งานให้เหมาะสมกับองค์กรธุรกิจของเราจะช่วยทำให้เรามองเห็นถึงช่องทางและโอกาสของธุรกิจ อีกทั้งยังช่วยประเมินสถานการณ์ตลาด และประเมินคู่แข่งทางการค้าได้ ซึ่งจะทำให้เราเตรียมตัวรับมือ และสร้างโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจได้
  • เพิ่มความประทับใจให้แก่ลูกค้า อัลกอริธึมของ AI ช่วยให้เราสามารถประเมินและวิเคราะห์ลูกค้า ทั้งความต้องการ ความสนใจ และพฤติกรรมการบริโภค ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะทำให้ AI ได้กลายมาเป็นผู้ช่วยเสมือนให้กับลูกค้า เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้ หรือ Chatbots ที่จะช่วยไขข้อสงสัยและบริการลูกค้า สิ่งเหล่านี้เองจะเป็นการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และช่วยเพิ่มความประทับใจได้เป็นอย่างดี

ทักษะ และสกิลที่จำเป็นในการสร้าง AI

การเรียรู้ AI และ วิธีสร้าง AI ด้วยตัวเองไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด เพียงแต่จะต้องมีทักษะเพื่อช่วยให้การสร้าง AI ง่ายและเกิดผลมากขั้น ทักษะที่จะเป็นสำหรับการสร้าง AI มี ดังนี้ 

  • ทักษะการเขียนโปรแกรมภาษาต่างๆ เป็นหัวใจหลักของการสร้างและพัฒนา AI ไม่ว่าจะเป็น Python, R หรือ Julia ซึ่งทักษะนี้สามารถนำไปต่อยอดทักษะอื่นๆ และพัฒนางานด้านเทคโนโลยีได้อย่างกว้างขวาง 
  • ทักษะ Machine Learning และ Deep Learning ที่ต้องเข้าใจทั้งแบบ Supervised และ Unsupervised เข้าใจการทำงานของอัลกอริทึม ชุดคำสั่ง (Framework) รวมทั้งการเรียนรู้เชิงลึก ซึ่งจะทำให้เราสามารถเข้าสู่การทำงานด้าน AI แบบจริงจัง
  • ทักษะการสร้างแบบจำลอง และการวิเคราะห์ข้อมูล รวมทั้งการจัดการข้อมูลเนื่องจากจะต้องใช้ข้อมูลมากมายเพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกมาเพื่อพัฒนาระบบ AI และสร้างความแม่นยำให้กับโมเดล AI
  • ทักษะการคำนวณทางคณิตศาสตร์และสถิติ ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานของการแก้ไขปัญหาและหนึ่งในความจำเป็นสำหรับการสร้าง AI ไม่ว่าจะเป็นพีชคณิตเชิงเส้น แคลคูลัส ทฤษฎีความน่าจะเป็น 
  • ทักษะด้าน Natural Language Processing (NLP) ที่จะช่วยทำให้ AI สามารถรับข้อความเพื่อมาตีความและโต้ตอบกลับข้อความได้อย่างเป็นธรรมชาติ เสมือนเป็นบุคคล 
  • ทักษะ Computer Vision เป็นการใช้ข้อมูลรูปภาพ วิดีโอ เพื่อการทำงานและการวิเคราะห์ เช่น การสแกนใบหน้า การจับการเคลื่อนไหว เป็นต้น
  • การมีจริยธรรมในการพัฒนา AI เนื่องจากความสามารถของ AI ที่ช่วยเข้ามาทำงานหลายๆ อย่างแทนมนุษย์ได้จนกลายเป็นความกังวลว่าเทคโนโลยีจะเข้ามาแทนที่มนุษย์ ดังนั้นการพัฒนาจะต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ เป็นธรรมและก่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด
7 ขั้นตอนปลดล็อกโลก AI วิธีสร้างระบบปัญญาประดิษฐ์

7 ขั้นตอนปลดล็อกโลก AI วิธีสร้างระบบปัญญาประดิษฐ์

วิธีสร้าง AI ฟังแล้วดูเหมือนจะยาก แต่เราก็สามารถทำเองได้ง่ายๆ ด้วยทักษะพื้นฐานที่เรามี ซึ่งแต่ละขั้นตอนต้องทำอย่างไร มีอะไรบ้าง มาดูกันผ่าน 7 ขั้นตอนปลดล็อคโลก AI วิธีสร้างระบบปัญญาประดิษฐ์ ดังนี้

1. กำหนดวัตถุประสงค์ หรือปัญหาที่ต้องการแก้ไข (Problem Understanding)

วิธีสร้าง AI มาสักตัวหนึ่ง ในอันดับแรกเราต้องกำหนดให้ชัดเจนว่าวัตถุประสงค์ของเราคืออะไร ทำไมถึงต้องมี AI ตัวนี้ ดังนั้นเราจึงต้องรู้ปัญหาและวัตถุประสงค์เพื่อสร้าง AI ของเราเพื่อพัฒนาขึ้นมาให้ตอบโจทย์ต่อความต้องการ และทำให้ระบบปัญญาประดิษฐ์ของเราคุ้มค่า คุ้มต้นทุนในการสร้างและก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด

2. ค้นหาและรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด (Data Collection)

วิธีที่จะสร้าง AI มาให้มีประสิทธิภาพและเพื่อให้สามารถทำงานได้ดีจำเป็นอย่างมากที่จะต้องใช้ข้อมูลเพื่อป้อนให้เกิดการเรียนรู้ของ AI จนนำไปสู่การทำงานอย่างชาญฉลาดของระบบ โดยการจะรวบรวมข้อมูลนั้นจะต้องอาศัยการทำงานร่วมกันทั้ง Data Scientist เพื่อทำการแปลโจทย์ข้อมูลที่ลูกค้าต้องการ เพื่อวางแผนในการรวบรวมข้อมูล จากนั้น Data Annotator กับ Project Manager จะวางแผนในการเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อดำเนินการต่อไป

3. เตรียมข้อมูลให้ครบถ้วน (Data Preparation)

การเตรียมข้อมูลจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปตามลักษณะของข้อมูลที่ได้ โดยข้อมูลที่เป็นข้อความจะต้องมีการพิมพ์และถอดข้อมูลออกมา หรือถ้าเป็นข้อมูลรูปภาพก็จะต้องพิจารณาถึงคุณภาพของข้อมูลทั้งความชัดเจนของภาพ ความคมชัด และขนาดภาพ และข้อมูลประเภท Structured Data เช่น Exel จะต้องเป็นข้อมูลที่มีคุณภาพ มีนัยสำคัญที่สามารถวิเคราะห์ต่อไปได้

4. เลือกรูปแบบ AI (Choosing AI)

อีกขั้นตอนที่สำคัญสำหรับวิธีสร้าง AI ให้ออกมาตรงความต้องการคือการเลือกอัลกอริทึม AI ให้เหมาะสมต่อระบบ โดยจะต้องคำนึงถึงสิ่งที่มีในการสร้าง ไม่ว่าจะเป็นประเภทของข้อมูลที่มี ความซับซ้อนของปัญหา คุณภาพและประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งขั้นตอนนี้จำเป็นที่จะต้องเข้าใจประเภทของ AI ด้วย

5. สอน AI ด้วยการป้อนข้อมูลที่เตรียมไว้ (Train)

หลังจากที่เราเลือกอัลกอริทึมที่เหมาะสมต่อความต้องการได้แล้ว วิธีสร้าง AI ขั้นต่อไปคือการเทรนให้ AI ได้เรียนรู้ โดยการใช้เซ็ทข้อมูลสำหรับการสอน (Training Set) เพื่อการพัฒนา อีกทั้งจะต้องมีการทดสอบข้อมูล Validation Set เพื่อการหาค่าตัวแปลที่เหมาะสมสำหรับโมเดล เพื่อให้ได้มาเป็นโมเดลที่พร้อมใช้งาน

6. ทดสอบและประเมินผล AI (Evaluation)

ลำดับถัดมาสำหรับวิธีสร้าง AI คือการทดสอบโมเดลของเราด้วยชุดข้อมูลที่โมเดลยังไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยข้อมูลชุดทดสอบ (Test Set) ซึ่งจะทำให้เราเห็นถึงประสิทธิภาพในการทำงานจริงของโมเดล และถ้าหากพบข้อบกพร่องเราก็จะสามารถนำไปแก้ไข้ได้อย่างตรงจุด สามารถพัฒนาใหม่ได้ และเพื่อให้เราสามารถสร้าง AI  ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดออกมาใช้งาน

7. นำ AI ไปใช้งานจริง (Deployment)

ขั้นตอนสุดท้ายสำหรับวิธีสร้าง AI คือการนำระบบ AI ออกมาให้ได้ใช้งานจริง ไม่ว่าจะผ่านแอปพลิเคชัน หรือการให้เข้าใช้งานผ่านเว็ปไซต์ โดยเมื่อใช้งานระบบก็จะช่วยในการเก็บข้อมูลผู้ใช้ที่จำเป็น เพื่อทำให้ผู้พัฒนาเห็นถึงลักษณะการใช้งานและจำนวนของผู้เข้าใช้งาน อีกทั้งหากพบส่วนที่สามารถพัฒนาได้ก็จะสามารถนำไปพัฒนาเพื่อเพิ่มช่วยประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ AI ให้ดีมากยิ่งขึ้น

DUSCAP จาก DIA ทางเลือกใหม่ในสร้าง AI สำหรับคนไม่มีพื้นฐาน

DUSCAP จาก DIA ทางเลือกใหม่ในสร้าง AI สำหรับคนไม่มีพื้นฐาน

การสร้าง Application ออกมาสักตัวไม่ใช่เรื่องยาก โดย DUSCAP เป็นแพลตฟอร์มที่ให้คนทั่วไปที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้าง AI สามารถสร้าง Application ได้อย่างรวดเร็ว ช่วยลดระยะเวลาการทำงานและการสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ และใช้ได้จริง แม้ไม่มีทักษะหรือความชำนาญเฉพาะทางด้านการสร้าง ซึ่งข้อดีของการใช้ DUSCAP มีดังนี้ 

  • No-code AI: ใช้งานง่ายแม้แต่คนที่ไม่มีทักษะ หรือความชำนาญด้าน Coding เป็นคนทั่วไปที่ไม่มีความรู้เฉพาะทางก็ทำได้อย่างง่ายดาย
  • Flexible มีความยืดหยุ่น: โดยสามารถทำและสร้างได้จากทรัพยากรที่เรามีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ หรือกล้องวงจรปิด ซึ่งช่วยประหยัดต้นทุนได้ดี และเหมาะกับผู้ที่เริ่มต้นด้วยเช่นกัน
  • Data Privacy การควบคุมข้อมูล: ผู้ใช้สามารถนำข้อมูลองค์กรของเรามาใช้ในการฝึกฝน AI ได้เลย โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าข้อมูลจะถูกเผยแพร่ เพราะจะช่วยรักษาความปลอดภัยของข้อมูล พร้อมปรับแต่งโมเดลให้ตรงกับความต้องการให้ดียิ่งขึ้น
  • All-in-one ครบวงจร: ให้บริการครบในทุกๆ ขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่การเก็บข้อมูล, Labeling จำแนก จัดแยกข้อมูล, Ai Training, กำหนดเงื่อนไขการตรวจจับ และรวมไปถึงการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ทำครบจบได้บนแพลตฟอร์มเดียว 
  • การสนับสนุน: มี Customer Success ที่จะคอยดูแลและช่วยเหลือตลอดการใช้งาน เพื่อช่วยทำให้เราได้ลองสร้าง Application ของเราได้อย่างเต็มที่และเต็มประสิทธิภาพ

ตัวอย่างการนำ DUSCAP ไปใช้

มาดูกันว่า DUSCAP จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ หรือส่งผลดีต่อการทำงานของอุตสาหกรรมหรือองค์กรรูปแบบใดบ้าง ซึ่งสามารถใช้งานได้หลายรูปแบบเลยทีเดียว ตัวอย่างเช่น 

  • ด้านอุตสาหกรรม: ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการตรวจสอบคุณภาพของชิ้นส่วนในการประกอบรถยนต์ เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดในการประกอบ หรือสามารถใช้ในตรวจสอบระบบ Safety เพื่อความปลอดภัยในการทำงานของเครื่องจักรในระบบอุตสาหกรรมก็ได้เช่นกัน 
  • ด้านการแพทย์: ใช้ AI ในการตรวจรักษาโรค หรือช่วยตรวจดูความผิดปกติบนฟิล์ม X-ray เพื่อการวินิจฉัยโรคและการวางแผนการรักษาที่แม่นยำและดีต่อตัวผู้ป่วย
  • ด้านการศึกษา: ช่วยให้นักเรียนนักศึกษาสามารถสร้างระบบการเรียนรู้ของตนเองได้ดีขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางการเรียนได้ หรือนอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นช่องทางในการหารายได้เสริมระหว่างเรียนได้ผ่านการใช้แพลตฟอร์มเพื่อทำ AI Application ขาย

สนใจ products ของ DIA สามารถติดต่อ DIA ได้ที่ www.dia.co.th หรือ โทร (+66) 95 8268778

ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เป็นเทคโนโลยีที่สามารถสร้างการทำงานได้ผ่านชุดคำสั่งที่เราต้องการ และสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางการทำงานขององค์กรได้ดีมากยิ่งขึ้นด้วยความช่วยเหลือของ AI ดังนั้นหลายๆ องค์กรจึงมีการพัฒนาและสร้าง AI มาใช้ด้วยตนเองภายในองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจและช่วยทำให้การทำงานสะดวก และเพิ่มความแม่นยำได้ อีกทั้ง หลายๆ องค์กรยังใช้การวิเคราะห์ของ AI มาเพิ่มโอกาสในการสร้างกำไรที่มากขึ้นให้กับธุรกิจด้วยเช่นกัน

DUSCAP Define New Ways of Working เรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติรูปแบบการสร้าง AI Application ในแบบเดิมๆ โดย DUSCAP เป็นตัวช่วยที่ดีที่จะทำให้เราสร้าง AI Application ขึ้นมาได้ง่ายและรวดเร็ว อีกทั้ง DIA ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยให้ทุกๆ คนสามารถเรียนรู้ AI เข้าใจวิธีสร้าง AI แม้เป็น Non-Technical User ก็สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย เพื่อสร้าง AI Application ที่สามารถใช้งานได้จริง